มีคนอ่านบทความนี้แล้ว : 4837 ครั้ง
วันที่อัพเดตล่าสุด : 15 January 2024
เลือกอ่าน:
- โบท็อกคืออะไร ? โบท็อกทำให้กล้ามเนื้อตายจริงหรือไม่ ?
- จุดกำเนิดโบท็อกมาจากโรคตาเข ? ความปลอดภัยของโบท็อก ?
- ริ้วรอยสะสมมาเป็นสิบปี ฉีดโบท็อกแล้วหายได้ในหนึ่งวัน ?
- Botox lifting (โบท็อกลิฟติ้ง) ต่างกับการฉีดโบท็อกธรรมดาอย่างไร
- โบท็อกยี่ห้อไหนคุ้มราคาที่สุด ?
- Botox ยี่ห้อไหนฉีดแล้วตาตกยิ้มเบี้ยว ?
- วิธีป้องกัน botox ดื้อยาทำอย่างไร ?
- จำนวนยูนิตที่เหมาะสมในแต่ละจุดคือเท่าไหร่ ?
- การตรวจโบท็อกแท้
- ดูรีวิวโบท็อกที่ Peace Clinic
โบท็อกคืออะไร ? โบท็อกทำให้กล้ามเนื้อตายจริงหรือไม่ ?
โบท็อกคือสาร botulinum toxin ที่สกัดจากธรรมชาติ สารโบท็อกนี้เมื่อจับกับกล้ามเนื้อจะทำให้กล้ามเนื้อหยุดทำงาน ริ้วรอยต่างๆบนใบหน้าเกิดจากการหดตัวของกล้ามเนื้อที่มากเกินไป เมื่อฉีดโบท็อกไปที่กล้ามเนื้อเหล่านั้นให้คลายตัว ริ้วรอยจึงหายไป ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยที่หน้าผาก ขมวดคิ้ว หางตา เมื่อกล้ามเนื้อกรามหยุดทำงาน ขนาดของกรามจะลีบเล็กลงทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น เมื่อครบอายุโบท็อกจะสลายไปเองและกล้ามเนื้อจะค่อยๆกลับมาทำงานและมีขนาดเท่าเดิมก่อนฉีด
Botox คืออะไร ?
โบท็อกมีชื่อเต็มคือ BOtulinum TOXin เรียกอย่างง่ายว่า BOTOX เป็นสารที่เข้าไปยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อให้ขยับได้น้อยลง โดยโบท็อกจะยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อได้เพียง 4-6 เดือนเท่านั้น จึงเป็นที่มาว่าฉีดโบท็อกแล้วผลลัพธ์อยู่ได้นาน 4-6 เดือน หลังโบท็อกหมดฤทธิ์แล้วกล้ามเนื้อจะกลับมาทำงานเหมือนปกติก่อนฉีด 100%
ซึ่งรอยย่นต่างๆบนใบหน้าเราเกิดจากกล้ามเนื้อทำงานหดตัวมากเกินไป เป็นผลมาจากการใช้งานกล้ามเนื้อนั้นบ่อย เช่น คนที่ติดนิสัยชอบขมวดคิ้วมักจะมีรอยย่นบริเวณหัวคิ้ว หรือคนที่ยิ้มตาหยีบ่อยก็จะมีตีนกาได้ง่าย การแก้ปัญหาริ้วรอยที่เห็นผล ปลอดภัย และตรงจุดที่สุดคือการฉีดโบท็อก หลังฉีดโบท็อกเข้าไปบริเวณที่มีริ้วรอยจะทำให้กล้ามเนื้อขยับไม่ได้ ริ้วรอยจึงหายไป
จุดกำเนิดโบท็อกมาจากโรคตาเข ?
โบท็อกมีใช้ในวงการแพทย์เป็นเวลากว่าสามสิบปีแล้ว โดยแรกเริ่มนั้นใช้ฉีดที่กล้ามเนื้อตาโดยจักษุแพทย์เพื่อรักษาโรคตาเข การรักษาได้ผลดีและไม่มีผลข้างเคียง ต่อมามีแพทย์ผิวหนังสังเกตว่าคนไข้ตาเขที่ได้รับการรักษาด้วยโบท็อกไม่มีริ้วรอยที่หางตาเลย จึงเป็นจุดเริ่มต้นในการนำโบท็อกมาใช้ในวงการแพทย์ผิวหนัง ดังนั้นคนไข้มั่นใจเรื่องความปลอดภัยของยาได้แน่นอน
ริ้วรอยสะสมมาเป็นสิบปี ฉีดโบท็อกแล้วหายได้ในหนึ่งวัน ?
ไม่ว่าจะเป็นริ้วรอยมานานกี่ปีสามารถหายไปได้หลังการฉีดโบท็อกเพียงครั้งเดียว โดยหลังฉีดโบท็อกจะยังไม่เห็นผลทันที ต้องรอให้ยาจับกับกล้ามเนื้อและออกฤทธิ์ก่อนจึงเห็นผลเต็มที่ว่าริ้วรอยหายไป จะเริ่มเห็นผลว่าริ้วรอยดูลดลงเมื่อครบสองสัปดาห์ และจะเห็นผลลัพธ์เต็มที่ของโบท็อกใช้เวลาประมานหนึ่งเดือน
Botox lifting (โบท็อกลิฟติ้ง) ต่างกับการฉีดโบท็อกธรรมดาอย่างไร
การฉีดโบท็อกธรรมดาคือคุณหมอจะฉีดโบท็อกไปที่ชั้นกล้ามเนื้อ เพื่อหยุดการทำงานของกล้ามเนื้อ ผลลัพธ์คือริ้วรอยตามใบหน้าจึงหายไป แนะนำฉีดเพื่อรักษาริ้วรอยบริเวณหน้าผาก ริ้วรอยหางตา เป็นต้น ส่วนการฉีดโบท็อกลิฟติ้งคือคุณหมอจะฉีดโบท็อกไปที่ผิวหนังชั้นตื้นบริเวณกรอบหน้าและใต้คาง เพื่อกระตุ้นคอลลาเจนในผิวหนังชั้นตื้นให้หดตัวกระชับเข้า ผลลัพธ์ที่ได้คือหน้าดูเรียวขึ้น กรอบหน้าชัดขึ้น
โบท็อกยี่ห้อไหนคุ้มราคาที่สุด ?
ปัจจุบันมีโบท็อกมีหลายยี่ห้อมาก แต่ละยี่ห้อมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบและความพร้อมของคนไข้ ที่คลินิกของเรามีโบท็อกสองยี่ห้อที่คุณหมอเลือกมาแล้วได้แก่ Allergan และ Aestox ทั้งสองยี่ห้อผ่านการรับรองอย.ไทยเหมือนกัน ฉีดแล้วเห็นผลเหมือนกัน ต่างกันที่บริษัทที่ผลิต
Allergan มาจากประเทศอเมริกา ฉีดครั้งหนึ่งอยู่ได้นานถึง 6 เดือน ริ้วรอยลดลงและให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติกว่า โอกาสเกิดการดื้อยาน้อยมากเพราะโมเลกุลมีความบริสุทธิ์สูง และราคาสมคุณภาพ
Aestox มาจากประเทศเกาหลี ฉีดครั้งหนึ่งอยู่ได้นาน 4 เดือน ริ้วรอยลดลงเช่นกัน แต่ราคาสบายใจสบายกระเป๋ากว่ายี่ห้ออเมริกา
Botox ยี่ห้อไหนฉีดแล้วตาตกยิ้มเบี้ยว ?
ไม่ว่าจะเป็นโบท็อกยี่ห้อไหนก็ตามหากคุณหมอมีความรู้ความเชี่ยวชาญกายวิภาคของกล้ามเนื้อใบหน้าดี หลังทำโบท็อกจะต้องยิ้มสวยเหมือนเดิมเพิ่มเติมคือไม่มีริ้วรอย จะไม่เกิดเหตุการณ์ตาตกหรือยิ้มเบี้ยวแน่นอน ดังนั้นคนไข้เลือกทำโบท็อกที่พีซคลินิกได้ทุกยี่ห้อโดยไม่ต้องกลัวผลข้างเคียงนี้เลย
ตาตกยิ้มเบี้ยวจาก Botox แก้อย่างไร ?
- อันดับแรกคือคนไข้ไม่ต้องกังวลไปเพราะเมื่อโบท็อกหมดฤทธิ์ กล้ามเนื้อจะกลับมาใช้งานได้เหมือนเดิม 100% อาการตาตกยิ้มเบี้ยวหายได้แน่นอน 100%
- อันดับต่อมาคือการสลายโบท็อกด้วยพลังงานความร้อน ที่พีซคลินิกมีเครื่องเลเซอร์ความร้อน (RF) เพื่อให้การรักษาคนไข้ที่ไม่ชอบผลลัพธ์ของโบท็อก หากคนไข้กังวลใจสามารถเข้ามารับคำปรึกษาที่คลินิกก่อนได้
วิธีป้องกัน Botox ดื้อยา
- พยายามฉีดโบท็อกยี่ห้อเดิมตลอด ดีกว่าสลับเปลี่ยนยี่ห้อไปมา จะทำให้ร่างกายสับสนและเกิดปฏิกิริยาดื้อโบท็อกขึ้นมาได้
- การฉีดโบท็อกแต่ละครั้ง ควรเว้นระยะอย่างน้อยสามเดือน หากฉีดถี่กันเกินไปจะกระตุ้นให้เกิดการดื้อโบท็อก
- หากเลือกได้ควรฉีดโบท็อกชนิดที่มีความบริสุทธิ์สูงกว่า เพื่อลดโอกาสการดื้อโบท็อก
- ควรฉีดโบท็อกแท้ที่ตรวจสอบได้ ในสถานพยาบาลที่เชื่อถือได้ เพื่อป้องกันไม่ให้ร่างกายได้รับโมเลกุลแปลกปลอมที่อาจกระตุ้นให้ร่างกายดื้อโบท็อกได้