สาวๆรู้ไหมคะว่าสีผิวใต้ตาเนี่ยสามารถบอกสาเหตุที่ทำให้ใต้ตาหมองคล้ำได้นะคะ อยากรู้ว่าสีไหนเกิดจากสาเหตุอะไร ? แล้วจะแก้ไขได้อย่างไร ? ไปอ่านกันเลยค่า
- สีชมพู/ม่วง = เป็นภูมิแพ้
บริเวณใต้ตาเป็นบริเวณที่ผิวบางมากจนมองเห็นเส้นเลือดได้ชัดเจน คนที่เป็นภูมิแพ้จะทำให้เส้นเลือดขยายและมองเห็นลำเส้นเลือดสีเขียวหรือสีม่วงชัดกว่าปกติ รวมถึงเส้นเลือดบริเวณใต้ตาด้วย ผิวบริเวณใต้ตาของคนเป็นภูมิแพ้จึงดูคล้ำเป็นสีอมม่วงมากกว่าคนทั่วไป
วิธีแก้ : ต้องรักษาที่สาเหตุคืออาการภูมิแพ้
- หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นโรคภูมิแพ้ของตัวเอง เช่น ฝุ่น ตุ๊กตา เกสรดอกไม้ อาหารบางชนิด
กินยาแก้แพ้เพื่อลดการขยายตัวของเส้นเลือดและลดความบวมบริเวณรอบดวงตาและจมูก
- สีเทา = นอนไม่พอ
การนอนหลับพักผ่อนที่ดีจะช่วยฟื้นฟูร่างกายให้กลับมาแข็งแรงพร้อมเผชิญวันต่อไป หากนอนหลับไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกายก็เหมือนชาร์จแบตไม่เต็มที่ นอกจากสมองจะมึนงงแล้ว ผิวหนังบริเวณต่างๆและใบหน้าก็จะดูฟีบตอบ แห้งเหี่ยวไปด้วย
วิธีแก้ :
- พักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 8-10 ชั่วโมง
- ให้ความสำคัญกับการเข้านอนตอนกลางคืนเพื่อให้ตื่นตอนเช้า การนอนเช้าแล้วตื่นบ่ายเป็นการขัดกันกับธรรมชาติ จะทำให้ร่างกายฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่อยู่ดี
3. สีน้ำตาลอ่อน = ขาดน้ำ
น้ำเป็นส่วนประกอบหลักของเซลล์มากถึง 70% การได้รับน้ำอย่างเพียงพอจะทำให้เซลล์ผิวสดใสเปล่งปลั่ง เต่งตึงดูอิ่มน้ำ หากร่างกายขาดน้ำเซลล์ผิวก็จะแห้งเหี่ยว สีคล้ำลงเป็นสีน้ำตาลอ่อน ผิวหนังมองเห็นเป็นร่องเป็นรอยย่นชัดเจน
วิธีแก้ :
- ดื่มน้ำให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการคือ 8-10 แก้วต่อวัน
- พยายามดื่มน้ำโดยการจิบบ่อยๆมากกว่าการดื่มหมดทีเดียวทั้งแก้ว เพื่อให้ร่างกายค่อยๆดูดซึมน้ำไปใช้ การดื่มหมดแก้วทีเดียวร่างกายดูดซึมไม่ทันกลายเป็นปัสสาวะไปเสียหมด
- การทาอายครีมสามารถช่วยเติมความชุ่มชื้นจากภายนอกได้
4. สีเทา = ร่องใต้ตา
เมื่ออายุมากขึ้นมักเกิดร่องใต้ตากันทุกคน หากใต้ตาเป็นร่องลึก ผิวดูเว้าเข้าไปไม่เรียบเนียน พอแสงตกกระทบจะทำให้มองเห็นเป็นเงาดำสีเทาบริเวณใต้ตา ดังนั้นคนที่มีร่องใต้ตามักได้ของแถมคือผิวใต้ตาหมองคล้ำมาคู่กันเสมอ
วิธีแก้ : ต้องรักษาที่สาเหตุคือร่องลึกใต้ตา มีได้หลายวิธี เช่น
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อทดแทนเนื้อที่พร่องไป เมื่อร่องใต้ตาตื้นขึ้น เงาของร่องก็หายไป ใต้ตาจึงสว่างขึ้น เป็นการแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง
- ฉีดวิตามินใต้ตา วิตามินสามารถเต็มเติมผิวได้ประมาณหนึ่ง หลังทำไม่มีโอกาสเป็นก้อนใต้ตา แต่ข้อเสียคืออยู่ได้เพียง 1-2 เดือน เหมาะกับคนที่กลัวฟิลเลอร์
- ยกกระชับผิวใต้ตาด้วยคลื่นความร้อนต่างๆ เช่น เครื่อง Hifu, เครื่อง RF เพื่อเพิ่มคอลลาเจนให้ผิวแข็งแรงลดความหย่อนคล้อย เหมาะกับคนที่เริ่มมีถุงใต้ตา
5. สีน้ำตาลเข้ม = กรรมพันธุ์
บางคนอายุก็ยังน้อย ภูมิแพ้ก็ไม่ได้เป็นแต่ทำไมใต้ตาถึงคล้ำเหลือเกิน นั่นอาจเป็นลักษณะโครงหน้าตามกรรมพันธุ์แต่ละคน เม็ดสีในผิวทำงานมากกว่าคนทั่วไป ทำให้ผิวหนังบริเวณใต้ตาเป็นสีคล้ำโดยไม่มีสาเหตุชัดเจนสาเหตุอื่น
วิธีแก้ : ทำเลเซอร์ผิวใต้ตาเพื่อปรับลดเม็ดสีให้ผิวใต้ตาดูสว่างขึ้น มักทำร่วมกันกับการฉีดฟิลเลอร์เพื่อบำรุงผิวบริเวณใต้ตาไปด้วย
ตัวอย่างเคสเติมฟิลเลอร์ใต้ตาเพื่อรักษาร่องใต้ตา
โดยทั่วไปบริเวณใต้ตาใช้ฟิลเลอร์ 1-3 ซีซี ขึ้นกับความลึกของร่องใต้ตาคนไข้แต่ละคน
ข้อดีของฟิลเลอร์คือ
- ฟิลเลอร์ฉีดปุ๊บเห็นผลปั๊บ หลังฉีดจะเห็นได้เลยว่าดวงตาดูสวยสดใสขึ้น ร่องตื้นขึ้น ความคล้ำใต้ตาดูจางลงทันที
- ทำแล้วอยู่ได้นาน 6-12 เดือน ไม่ต้องมาเติมบ่อยๆ การหยุดฉีดไม่ทำให้เหี่ยวกว่าเดิม
- ฟิลเลอร์แท้สลายได้ ในกรณีที่ผลลัพธ์ไม่เป็นตามที่ต้องการสามารถฉีดสลายให้กลับไปเป็นเหมือนก่อนเติมฟิลเลอร์ได้
- เป็นการแก้ปัญหาตรงจุดที่สุดสำหรับร่องใต้ตา เห็นผลชัดเจนกว่าการฉีดวิตามินหรือทาอายครีม
ข้อเสียของฟิลเลอร์คือ
- เป็นการใช้เข็มฉีดเข้าไปที่บริเวณผิวหนัง อาจมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อย ทางคลินิกมียาชาและการประคบเย็นลดความเจ็บให้
- หลังทำอาจมีรอยเข็มเป็นจุดแดงบริเวณที่ฉีด หากไม่อยากให้คนรอบตัวสังเกตเห็นอาจต้องหาวันพักหน้าสัก 1-2 วันให้รอยแดงหายไป
- ในคนที่เขียวช้ำง่าย งดการทานวิตามินหรืออาหารเสริมก่อนมาเติมความสวยอย่างน้อย 2 สัปดาห์
สรุป
ใต้ตาหมองคล้ำเป็นปัญหากวนใจของใครหลายคนโดยเฉพาะสาวๆ ถ้าคุณลองวิธีอื่นมาหมดแล้ว ไม่ว่าจะทาอายครีม ดื่มน้ำวันละสิบแก้ว หรือหากคุณเข้านอนเร็วไม่ได้จริงๆเพราะงานรัดตัวสุดๆ ลองให้พีซคลินิกช่วยดูแลผิวใต้ตาของคุณสิคะ
เลือกฉีดฟิลเลอร์ที่ได้มาตรฐานกับคุณหมอที่เชี่ยวชาญด้านการปรับรูปหน้า